วันจันทร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2555

iPad 2



iPad 2 บางลง เบาลง เร็วขึ่น กล้องด้าน หน้าและหลังแบตเตอรี่อีก 10 ชัวโมง (เท่าเดิม) ราคาเริ่มต้น $499 และเตรียมออกขาย วันที่ 11 มีนาคนนี่
iPad 2 ถูกออกแบบใหม่ทั่งหมด เบาและบาง

iPad 2 ถูกดีไซน์ใหม่ทั่งหมดทั่งหน้าตาและสเป็ก แต่ยังคงใช้วัสดุอลูมิเนียมเหมือนเดิม
ขนาด ของตัวเครื่อง Apple ได้ออกแบบให้ iPad 2 บางลงเหลือแค่ 8.8 มม. ถ้าเรานำ iPad 2 และ iPad 1 มาเทียบกัน iPad 2 จะบางกว่าถึง 33% เลยทีเดียว สงใสว่า Apple คงอยากให้เราทำตกแล้วหักเป็น 2 ท้อนแล้วไปซื้อใหม่แง่มๆ
และที่แน่นอนน้ำหนักของตัวเครื่องก็เบาลงถึง 100 กรัม iPad 2 น้ำหนักตัวจะอยู่ราวๆ 600 กรัม และ iPad 1 จะอยู่ที่ 700 กรัมนิสๆ  ไม่รู้ว่า 100 กรัม จะให้ความรูู้สึกแต่ต่างมากแค่ใหน
เปิดตัวทีเดียวถึง 2 สี ขาว/ดำ
iPad 2 เปิดตัวทีเดียวถึง 2 เวอร์ชั่นทั่งสีดำและสีขาว ตามที้ Steve Job บอกรอบนี้จะวางขายพร้อมกันทีเดียว 2 สีไปเลย หวังว่าคงจะไม่เหมือนกับ iPhone 4 สีขาวนะ ที่ตอนนี้ยังไม่มีวี่แววใดๆ มีแต่ข่าวลอยกับการรอคอยลมๆแล้ง จนพี่จีนเค้าไปทำกลอบออกมาขายแทนแล้ว มีทั่งสีขาวและสีใสสุดเท่ ที่ เราได้ review ให้ดูไปเมื่อวันก่อน. แต่ท่าใครชอบสีขาวจริงๆต้องอย่าลืมว่าขอบจอสีขาวเวลาดูหนังฟังเพลง เล่นเกม หรือ Facetime แสงที่ปล่อยออกมาไม่มีสีดำมาเป็นตัว filter หรือกรองแสงให้เรา ทำให้แสงและภาพที่ปล่อยออกมามีคุณภาพแย่ลง แต่ยังไงซะสีขาวมันสวยสุดๆไปเลย สงใสว่า สาวเล็กสาวใหญ่คงไม่พลาดกันแน่ๆ หนุ่มๆก็ไม่ต้องน้อยใจไป ท่าชอบก็จัดตามสาวๆเค้าไปได้เลย !
เราก็ได้ รีวิว iPad 2 ภายนอก กันไปหมดแล้วทีนี่ ก็มาต่อกันด้วยเรื้องของภายในกันบ้าง
CPU ตัวแรง Dual-Core A5 Chip เร็วขึ้น 2 เท่า,กราฟฟิกแรงขึ้น 9 เท่า
ภาย ใน iPad 2 ได้มีการอัพเกรด CPU Dual-Core รหัส Apple A5 ความเร็ว 1GHz แต่เพราะคำว่า Dual-Core ที่ทำให้หน่วยประมวลผล 2 หน่วย (สองแกนหลัก) สามารถทำงานขนานควบคู่กันบนชิปตัวเดียวได้ ทำให้ความสามารถในการประมวลผลเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า โดยไม่ต้องใช้พลังงานเพิ่ม ไม่รู้ว่าจะเรียกเป็น 2GHZ ได้มั่ย...
นอก จากนี้ Apple ยังได้อัพเกรดชิปกราฟฟิกให้แรงมากขึ้น โดยอ้างว่าจะเร็วขึ้นถึง 9 เท่า! ซึ่งนั่นหมายความว่าจะทำให้การทำงาน เช่น การตัดต่อหนัง หรือ เล่นเกม ใหม่ๆ ภาพสวยๆ ได้อย่างไม่มีการกระตุกและรวดเร็มมากขึ้น!
2 Model ที่แตกต่าง WIFI / 3G+WIFI
ก็อีกเช่นเคย iPad 2 ได้มีการแตก Model ออกเป็น 2 รุ่นนั่นก็คือ รุ่น WiFi และ 3G+WiFi 
อัน นี้ก็แล้วแต่ความชอบและความสะดวกส่วนตัวเลยครับ ท่าใครชอบเล่นอยู่บ้านก็ iPad 2 Wifi ไปแต่ท่าใครชอบเล่นบนรถหรือที่ต่างๆนอกบ้านหรือเขตที่ไม่มี Wifi ก็ iPad 2 3G กันไปเลย
สำหรับความจุของ hard disk ก็เช่นเดิมมีตั่งแต่ 16GB 32GB และ 64GB ไม่มีอะไรแตกต่างจาก iPad รุ่นก่อน
กล้องหน้า/หลัง HD พร้อม FaceTime และ PhotoBooth
จากที่ Steve Job พูดเกี่ยวกับกล้องของ iPad 2 ในงานเปิดตัว กล้องด้านหน้าสามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดระดับ VGA ที่ 30 fps หรือ 30 รูปต่อ วินาที และภาพนิ่งได้ความละเอียดที่เหมือนกันคือ 640 x 480 pixels ส่วนกล้องด้านหลังสามารถถ่ายวิดีโอที่ความละเอียดสูงถึงระดับ HD 720p และเพราะเหตุผลนี่ทำให้เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากว่า แล้วตกลง เจ้ากล้องหลัง HD 720p นี่จะมีความละเอียตขนาดใหนหรือกี่ Pixel กันแน่ ตอนนี่เรายังไม่สามารถหาข้อมูลนี่ได้ท่ามีข้อมูลเพิ่มเดียว Macuncen จะเอามา Update กัน
และ ด้วยระบบ Facetime บน iPad 2 จะสามารถทำให้เราคุยเห็นหน้ากันได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เพราะจอมันใหญ่มากๆ เพียงแค่เรามี iPad 2 และเพื่อนเราก็มีเช่นกัน หรือจะเป็น iPhone 4, Macbook Pro ก็สามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่ากล้องจะสู่ iPad 2 ได้หรือป่าว
PhotoBooth ของเล่นใหม่บน iPad 2
ได้มีฮากันสุดๆกับ Photobooth อย่างแน่นอน Application ใหม่บน iPad 2
Photobooth คือ Application ที่เราสามารถนำรูปมาดัดแปลงเล่นได้ หรือจะนำรูปเพื้อนเรามาแกล้งทำให้เป็นตัวประหลาดแล้ว เอาไป post บน Facebook ก็คงจะสนุกใช้เล่นยังไงซะก็แกล้งพอหอมปากหอมคนแล้วกันนะครับ เดียวเพื้อนจะโมโหเอา เดียวจะหาว่าผมไม่เตือน
Apple ยังปล่อย Application ใหม่ๆออกมาอีกเพียบ เอาไว้จะมารีวิวแยากเป็นตัวๆดีกว่าเนอะ

เครื่องใหม่ ราคาเดิม Start $499

Apple ยังคง concept เดิมที่ว่า จะแรงขึ้น, ดีขึ้น หรือใหม่ขึ้นแค่ใหนแต่ยังคง ราคา iPad 2 ยังเท่าเดิม ราคาถูกทึ่ถูกที่สุดเริ่มต้นที่ $499 หรือประมาณ 15,000 บาท เท่านั้น ตามกำหนดการวางขายจะเริ่มที่อเมริกาก่อนในวันที่ 11 มีนาคมนี้เลย และประเทศอื่นๆจะตามมาติดๆ ในวันที่ 25 มีนาคมนี้ แต่ไม่มีประเทศไทยอยู่ในรอบ 25 มีนาคมนี้นะครับ คงต้องรอ....กันอีกนาน....ไปหิ้วมาขายก่อนดีมั่ยน้า...
สุดท่ายนี่ก็ อย่าลืมติดตามเราได้บน Twitter และ Facebook Fanpage เพื่อรับข่าวสารดีๆในวงการ Apple แบบในแบบ Macuncen

                           

ถึงแม้หลายๆค่ายได้ทยอยเปิดตัว 3D TV กันแล้ว แต่ Sony แบรนด์ต้นตำรับทีวีสายพันธุ์ญี่ปุ่นแท้ๆก็ได้ฤกษ์เอา 3D TV มาอวดโฉมในไทยซักทีครับ และทางผมเองก็ได้สัมผัส 3D TVทีวีสามมิติมาแล้วทุกรุ่นในไทยทั้ง Samsung 3D LED TV / 3D Plasma TV / 3D LCD TV, LG Full LED 3D LX9500 Series, Panasonic  3D Neo PDP 50VT20 และแน่นอนครับผมก็ไม่พลาดที่จะเก็บรีวิว Sony BRAVIA 52LX900 ซึ่งถือว่าเป็น Series Top ที่สุดของ Sony ในปี 2010 นี้ และกำลังจะวางจำหน่ายในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่น “มหาเทพ” ซึ่ง Sony ตั้งชื่อ LX Series นี้ว่า “Signature” ที่จะเป็นรุ่น “มหาเทพ” ของ Sony ครับ
 

52LX900 3D LED TV จาก Sony BRAVIA


จะวางจำหน่ายครึ่งปีหลังครับ

หมายเหตุ แต่ถ้าท่านสนใจรุ่นต่ำลงมากว่าหน่อยและเน้นรื่อง Performance ของภาพ Sony ก็จะมีรุ่น HX Series ซึ่งมีฉายาว่า “Cinematic” ครับ เพราะจะเน้นเรื่องเทคโนโลยีด้านภาพอย่าง Full LED ที่ Sony เรียกว่า Intelligent Dynamic LED Backlight และ Motion Flow 400Hz Pro
 

คิ้วสแตนเลสด้านล่างโค้งเว้า ไม่เหมือน NX700 NX800

จุดเด่นของรุ่นนี้คือ ความสามารถในการรองรับ Content 3D แท้ๆ รวมถึงการแปลง Content 2D ให้เป็น 3D ได้ครับ ซึ่งในตลาดมีเพียง Sony และ Samsung ที่ทำได้ ในขณะที่ LG และ Panasonic ยังทำไม่ได้ครับ และ Design แบบ “Monolithic Design” ที่เป็นกระจกแผ่นเดียวเรียบหรู พร้อมขาตั้งปรับเอนไปข้างหลังได้ 6 องศา 
 

Monolithic Design เอกภาพแห่งดีไซน์

สิ่งที่ทำให้เหนือกว่า NX700 และ NX800 รุ่นเทพในครึ่งปีแรกนี้ก็คือ
1. 3D Full HD TV: ความสามารถในการแสดง “ภาพ 3 มิติแท้ๆ” จาก Content 3D
2. 2D to 3D Conversion: เปลี่ยนภาพจาก 2 มิติเป็นภาพ 3 มิติได้
3. Intelligent Presence Sensor: เซนเซอร์สุดอัจฉริยะ จับใบหน้าผู้ชมและตำแหน่งคนเพื่อคำนวณปรับภาพและเสียงให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่เรารับชม
4. Motion Flow 200Hz Pro: สามารถแสดงเฟรมภาพได้สูงสุดถึง 240 เฟรมภาพ (NTSC) หรือ 200 เฟรมภาพต่อวินาที พร้อม Image Blur Reduction ที่จะช่วยให้ภาพลื่นปรื๊ดและลดอาการ “เบลอ” และ “ลาก” ของภาพเคลื่อนไหว
 

แว่น 3D Active Shutter Glasses



 
ดีไซน์ของ 52LX900 มีคอนเซปต์การดีไซน์ที่เนียกว่า Monolithic Design เช่นเดียวกับ NX series ครับ หน้าจอเป็นกระจกแผ่นเดียวเรียบหรู รวมถึงขาตั้งที่ปรับหมุนซ้ายขวาได้และปรับเอนหลังได้ 6 องศา เรามาดู Gallery สวยๆพร้อมดีไซน์ตัวจริงของ Sony 3D LED TV 52LX900 กันเลย !!!
 

นี่ครับ !!! Monolithic Design เรียบหรู
 

คิ้ว Stainless ด้านล่างเป็นแบบโค้งเว้า ไม่เหมือนรุ่น NX700 NX800 ที่เป็นแบบเรียบตรง
ตรงกรอบทีวีแถบสีดำจะมี Infrared Sensor สีใสๆครับ เอาไว้เชื่อมต่อกับ แว่น 3 มิติ
 

 Light Sensor และไฟ LED บอกสถานะเปิด = เขียว  ปิด = แดง


ไฮไลท์ไม่ได้อยู่ที่โลโก้ Sony เรืองแสงได้อีกต่อไป แต่อยู่ที่
"Intelligent Presence Sensor" กล้องเล็กๆจับตำแหน่งใบหน้าคนได้ เด๋วจะบอกว่าทำอะไรได้บ้าง


พอร์ตช่องต่อแทบโคลนพวก NX700 NX800 มาเลยครับ
 

แว่น 3 มิติของ Sony ครับ เป็น Active Shutter Glasses


ปุ่มเปิดอยู่ล่างซ้ายของโลโก้ Sony ครับ จะเห็นเป็นปุ่มเล็กๆ


มียางรองดั่งด้วยครับ ใส่แล้วนุ่มนิ่มจมูก !!!


น้องนิว 4 เม็ก !!! ใส่แว่น 3D ให้พวกเราเห็นภาพตอนใส่แว่นตา 3 มิติกันมากขึ้น
 

รีโมทคอนโทรลทรงเดิมมาตรฐาน ดีไซน์แอบโบราณไปนิด แต่มีปุ่มเปิดไฟ Backlight สีน้ำเงินด้วย
 

ไฮไลท์คือปุ่ม "3D" ครับกดเปลี่ยน 2D เป็น 3D ได้ด้วย
สำหรับการทดสอบภาพนั้นเพื่อไม่ให้รีวิวเยิ่นเย้อ ผมขอเน้นทดสอบเทคโนโลยีสำคัญๆอย่าง 3D และการ Convert 2D เป็น 3D อย่างเดียวนะครับ สำหรับคุณสมบัติภาพอื่นๆจะคล้ายๆกับ NX700 NX800 Series การทดสอบผมใช้โหมดภาพ Standard สลับกับ Vivid ครับ และใช้เครื่องเล่นเกมส์ PlayStation 3 Slim ที่ผ่านการอัพเกรด Firmware ให้รองรับ Content 3D แท้ๆได้

ข้อดี 3D TV ของ Sony 1. รองรับ Contnent 3D แท้ๆพร้อมระบบตรวจจับสัญญาณ 3D (Auto Detect)
2. เปลี่ยนภาพ 2D ธรรมดาๆเป็น 3D ได้
3. สามารถปรับระดับ Effect 3D ให้ลึกได้ 5 ระดับ "Depth = -2 -1 0 +1 +2"
4. หน้าจอมี Refresh Rate ที่สูง ลดปัญหาภาพไม่สมูธได้ระดับนึง
5. สามารถปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะกับแว่นได้
6. หน้าจอแบบใหม่ OptiContrast Panel ซึ่งเป็นเวอรชั่นอัพเกรดของ Deep Black Panel ลดช่องว่างระหว่างตัวจอด้านในและกระจกด้านนอก ลดแสงสะท้อน ช่วยให้สีดำดำสนิท
 

และใช้ "Dual Shock 3" เอาไว้เลือก Content 3D เท่ห์ๆจาก Sony


ตัวรับสัญญาณ 3D ที่เป็น Infared จะอยู่ตรงกรอบล่างขวาของจอครับ
และระยะที่แนะนำในการรับชมภาพสามมิติคือ 1-6 เมตร มุมมองรับชมไม่เกิน 120 องศา
 
3D มีหลาย Format ให้เลือกครับ ซึ่ง Sony รองรับครับ1. Simulated 3D: เป็นการเปลี่ยน 2D เป็น 3D
2. Side by Side: Content หนัง 3D ทั่วไปเช่น Monster VS Alien
3. Over Under: แบบบนล่าง เกมส์ 3D บางเกมส์ใช้ Format นี้ครับ
 

รองรับภาพ 3 มิติในรูปแบบต่างๆครับ
 

เปิดฟังก์ชั่น 3D หน้าตาเมนูก็เหลื่อมซ้อนซ้ายขวาเหมือนกัน ดูจากตัวอักษรได้


ปรับได้นะครับ 3D Signal Notification ว่าให้มันตรวจจับสัญญาณ 3D และแสดงอัตโนมัติหรือไม่


ปรับ Depth ความลึกของ Effect 3D ได้ 5 ระดับครับ (ยืมรูปของรุ่นของ HX800)
ทดสอบกับ Content 3D แท้ๆของ Sonyผมลอง Content 3D แท้ๆจาก PS3 Slim ที่ผ่านการอัพเกรด Firmware ให้สามารถเล่น 3D ได้ มีหลายเรื่องเลยทั้งเกมส์, การ์ตูน, สารคดี โดยภาพที่เก็บมาฝากคือ 3D OFF VS 3D ON ภาพด้านขวาจะดูเบลอซ้อนกันสไตล์ภาพ 3D นะครับ ไปดูกันเลย !!!


เกมส์ Major League Baseball ช็อตที่เห็นชัดๆคือ ลูกเบสบอลถูกปาพุ่งมาหาเรา !!!


เกมส์น่ารักเรื่องนี้ เห็น Logo 3D เสาร์ หัวกะโหลกไม้ ลอยตั้งขึ้นมาครับ


สารคดีมี "หมาป่า" ที่ยืนเด่นโดดออกมาจากหน้าผา โดยมี "ต้นสน" ลึกลงไปเป็นชั้นๆ


เกมส์แนวโหดอย่าง KillZone รับรองเล่นเกมส์นี้ 3 มิติ กระสุนลอยมีมิติมาก


อุ่นเครื่องบอลโลกครับ ภาพเคลื่อนไหวที่เร็วเกินไปมิติภาพแบบลอยอาจจะไม่โชว์เด่นนัก


Cloudy with the Meat Ball: ฉากนี้เชือกที่ผูกเรือ (ที่ผ่านแขนคุ๊พ่อเสื้อฟ้า) ลอยเด่นออกมาเลยครับ
ให้ความรู้สึกว่าจะเอามือไปจับเชือกที่ผูกเสาเรือได้เลย แหล่มครับ


ฉากนี้คือ "ที่สุดแห่งภาพ 3D"  !!! ชาวบ้านทั้งลูกเด็กเล็กแดงและพ่อแม่ยืนเรียงกัน
ตัวมันลอยตั้งขึ้นและมิติภาพมันลึกลงไปแบบ 6-7 ชั้น เรียงแถวตามลำดับหน้าหลังเลย สุดสุดจริงๆ

เวลาดู 3D เทคนิคคือให้นั่งนิ่งๆเพื่อให้เฟรมภาพที่ส่งให้ตาซ้ายขวาของทีวีส่งได้แม่นยำมากขึ้น
และดูไล่จากล่างขึ้นบนจะเห็นมิติภาพ ลอย ลึก ตื้นครับ
ทดสอบ 3D Simulation: 2D to 3D Conversion
หลังจากประทับใจการลอง Content 3D แท้ๆแล้ว อีกฟังก์ชั่นที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยน Content ธรรมดาๆ 2D ให้เป็น 3D ได้ครับ เพียงแค่กดปุ่ม 3D บนรีโมทคอนโทรลครับ ผลทดสอบกับแผ่น Blu-ray Avartar ที่มีสัดส่วนเต็มจอ 16:9 พอดี ภาพ 2D แบบ Hidef ก้มีความคมชัดสูงและให้รายละเอียดสีได้ดีมากอยู่แล้วครับ พอเปลี่ยนจาก 2D เป็น 3D ภาพของพระเอก "Jake Sully" มีมิติขึ้น ตัวมีการดึงตัวละครและวัตถุมาข้างหน้ามากขึ้น ได้อารมณ์การดูไปอีกแบบครับ ส่วน 3D Effect การลอยของภาพก็ยังคงอยู่ประมาณ 40-50% ของ Content 3D ได้ๆเท่านั้น เวลาเปิดต้องเพิ่ม Depth ไปถึง +1 หรือ +2 ภาพจะมีมิติขึ้นมาอีกหน่อย แต่อาการ Crosstalk ภาพเหลื่อมซ้อนกันก็จะมีมากขึ้น แต่ผมว่าเปิดระดับปกติคือ 0 ก็กำลังดีอยู่แล้ว มีมิติแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ลอยมีมิติจนมึนหัวเกินไปด้วยครับ !!!
 
 

ดู 3D ธรรมดา รายละเอียดคมชัด สีสันอิ่มเอิบดีมากอยู่แล้ว
 

เปิด 3D ON: Effect 3 มิติมีประมาณ 40-50% ของ 3D Content แท้ๆ
สำหรับช่องต่อของ 52LX900 จะคล้ายๆตัว NX800 NX700 ครับ ให้ HDMI x 4 ช่อง, Component 1 ชุด, AV  1 ชุด, RGB 1 ช่อง, Digital Optical Out 1 ช่อง, USB 1 ช่อง, ช่องเสียบ Headphone 1 ช่อง ส่วนความเทพคือ Integrated Wifi Built in ที่เชือมต่อ BRAVIA Internet Video และ BRAVIA Internet Widget แบบไร้สายได้ทันที
 

หน้าตาเมนูตอนเลือก Input สามารถตั้ง Skip Input ข้ามช่องต่อที่ไม่ได้ใช้งาน
รวมถึงตั้งชื่อ Input นั้นๆเห็นตรงกับชนิดของเครื่องเล่นของเรา เช่น HDMI 1 = Blu-ray Player


หน้าตาเมนู XCross Media Bar เรืองแสงในตำแหน่ง Input ที่เรากำลังจะเลือก


Optical Out สามารถ Output เสียง 5.1 Ch ไปเข้า AV Reciever


ช่องต่อ USB ที่อัพเกรดความสามารถเพิ่มแล้ว เล่นไฟล์ เพลง MP3 /Jpeg/ AVCHD ได้


อันนี้ผมเล่นไฟล์หนัง DivX ลื่นไหลดี


เพลง MP3 ซึ้งๆอย่าง Lost In Space ของ Lighthouse Family
 




1. Intelligent Presence Sensor: กล้องเซนเซอร์สุดไฮเทคที่สามารถจับใบหน้าคนได้ถึง 5 ตนครับ เพื่อไปประมวลผลแล้วไปแอพพลายทำสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้
 

Intelligent Presence Sensor ตำแหน่งกล้องกลมๆเล็กๆด้านล่างโลโก้ Sony
 
1.1 Presence Sensor: สามารถตรวจจับได้ว่ามีคนกำลังรับชมทีวีอยู่หรือเปล่า หรือลุกไปเข้าห้องน้ำ ทีวีจะปรับภาพให้เป็น Picture Off หรือปิดหน้าหน้าจออย่างเดียว แต่เสียงยังเปล่งออกมาอยู่ เพื่อช่วยเรื่องประหยัดไฟครับ
 
1.2 Distance Alert: ทีวีจะทำการตรวจจับว่าหากมีผู้ที่เข้ามาใกล้ทีวีในระยะ 1 เมตร เช่นเด็กเล็กซุกซน ทีวีก็จะปิดภาพลงและมีข้อความเตือนพร้อมสัญญาณเสียงเตือนครับ กันเด็กซุกซนมือบอนได้เป็นอย่างดีดี
 

Distance Alert: นี่ครับดูรูปข้างล่างขวาได้ จับใบหน้า 2 ใบหน้าเลย


ชัดๆ กับการจับใบหน้า Face Detection สังเกตุได้ว่านายโรมันหลบอยู่หลังกล้องถ่ายรูป
Face Detection ก็จะจับใบหน้าคนอย่างเดียวครับ (เทคโนโลยีจาก Sony CyberShot)
 
1.3 Position Control: ฟังก์ชั่นนี้เทพสุดๆ เพราะตัวกล้องเซนเซอร์จะจับว่าเราอยู่ห่างจากทีวีเท่าไหร่? เอียงไปซ้านซ้ายหรือขวาเท่าไร่? และปรับภาพและเสียงให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่เรานั่งดูครับ เช่นถ้านั่งดูอยู่เอนไปทางซ้ายมือ ซึ่งไม่นั่งตรงกลางจอพอดี การเท Volume เสียงก็จะเทมาในตำแหน่งที่เรานั่งซึ่งก้คือด้านซ้ายมากกว่าปกติครับ สุดยอดมาก !!!
 

เห็นเม็ดขาวๆตรงเส้นตารางหมากรุกซึ่งเป็น layout จำลองไหมครับ มันจะอยู่ซ้ายมือหน่อย
และมาดูรูปเล็กๆในช่อ่งด้านขวาได้ว่าหน้าของผมจะอยู่ซ้ายมือจริง


ดูดีๆนะครับในรูปเล็กมี 2 คนที่นั่งห่างกัน เซนเซอร์มันตรวจจับและ
บอกตำแหน่งในแผนที่ได้อย่างแม่นยำ


กล้องเซนเซอร์ตัวนี้ดีจริง เห็นหน้าเมื่อไหร่เป็นจับได้ไปหมด !!!
 
เกร็ดความรู้เกี่ยวกับ Intelligent Presence Sensorผมเอาคู่มือ i-Manual ที่ให้มากับตัวเครื่องที่อธิบายวิธีการใช้งาน Intelligent Presence Sensor มาฝากครับ เพียงแค่กด Home และเลือกไปที่ System Setting เพื่อเข้าสู่ฟังก์ชั่น Presence Sensor ดูตามรูปไปเลย


คู่มือการใช้งาน จาก i-Manual ผมนั่งอ่านว่า Presence Sensor ใช้ทำอะไรได้บ้าง


อย่างที่บอกไปครับ 1. Presence Sensor / 2. Distance Alert / 3. Position Control


โดยระยะกวาดของกล้องเซนเซอร์อยู่ประมาณ 6 เมตรและกว้าง 60 องศา 
 
2. BRAVIA Internet Video & Internet Widget:  อีกหนึ่งลูกเล่นสุดเทพของ Sony 3D TV LX900 Series ก็คือการเชื่อมต่อ WIFI ไร้สายเพื่อดูคลิปวีดีโอแบบไร้ขีดจำกัดกับ BRAVIA Internet Video ที่มีเว็บไซต์วีดีโอชื่อดังอย่างพวก YouTube, Podcast, blip.tv เป็นต้น และรวมถึง BRAVIA Internet Widget ที่มี Widget ที่น่าสนใจอย่าง Twitter, Yahoo News, Weather เป็นต้น สามารถคลิ๊กที่รูปด้านล่างเพื่อดูตัวอย่างจากรีวิว 46NX700 ได้ครับ !!!
 

เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายด้วย Built in Wireless Lan

BRAVIA Internet Video ดูเว็บไซต์คลิปวีดีโอเป็นสิบเว็บไซต์ได้เลย

คลิ๊กที่รูปเพื่อดูตัวอย่าง BRAVIA Internet Video



ข้อดี
1. 3D:  ภาพมีมิติดีเยี่ยม แบ่งชั้นการลอยออกมาและลึกลงไปของภาพเป็นชั้นๆได้
2. Simulated 3D: สามารถเปลี่ยนภาพ 2D เป็น 3D
3. Intelligent Presnence Sensor: กล้องเซนเซอร์ตัวจิ๋วสุดอัจริยะที่จับใบหน้าคนเพื่อคำนวณปรับภาพและเสียงให้เหมาะสมกับตำแหน่งการรับชมของเราได้
4. Built in Wireless Lan: เชื่อมต่อ Internet ไร้สายเล่นเว็บไซต์อย่าง YouTube ได้ทันที
5. Monolithic Design: ดีไซน์สวยเฉียบ เรียบหรู

ข้อเสีย1. หน้าจอเป็นกระจก หากคุมแสงไม่ได้จะเกิดเงาสะท้อนอย่างแน่นอน คุณภาพของภาพจะดร็อปลงทันที
2. พอร์ตช่องต่อด้านหลัง เป็นแบบเสียบเข้าด้านข้าง ซึ่งเป็นร่องบุ๋มลงไปทำให้เสียบสายยาก
3. มุมมองการรับชม 3D หากเฉียงเกิน 120 องศาขึ้นไปสีสันจะดร็อปลงพอสมควร (Color Shift) 

สรุป
52LX900 ถือว่าเป็น 3D LED TV รุ่นท็อปสุดของ Sony ในปี 2010 โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่น 3D ที่มีลูกเล่นการปรับแต่งครบสมบูรณ์ หน้าจอก็ให้รายละเอียดภาพ สีสัน ระดับสีดำดำ ในระดับ "ดีเยี่ยม" จากแหล่งสัญญาณแบบทั้ง 2D และ 3D Content และมีฟังก์ชั่นสุดอัจฉริยะอย่าง Intelligent Presence Sensor กล้องเซนเซอร์ตัวจิ๋วที่ตรวจจับ "ใบหน้า" ของผู้ชมได้ ตลอดจนฟังก์ชั่น Built In Wireless Lan ที่ทำให้เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายได้ทันทีครับ ส่วนดีไซน์ก็เรียกว่างามแท้สไตล์ Monolithic Design ครับ เอาเป็นว่าในตอนนี้ยังไม่มีจำหน่ายในไทย แต่ถ้าหากใครมีแผนจะซื้อ 3D TV หละก็ Sony 3D TV ก็กำลังอยู่ในอู่แล้ว...เพียงแต่รอเวลาอีกซักแป็ปนึงในการเหยียบคันเร่งให้โจนทะยานออกมาโลดแล่นในสนามแข่งเท่านั้นเอง !!!